ความต้านทานการกัดกร่อน:
ความต้านทานการกัดกร่อนตามธรรมชาติ: สังกะสีเองมีความทนทานต่อการกัดกร่อนโดยธรรมชาติ และพุกโลหะผสมสังกะสีก็ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ มีความไวต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพุกที่ทำจากวัสดุเช่นเหล็ก
ความต้านทานต่อน้ำเค็มและความชื้น: พุกโลหะผสมสังกะสีทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือน้ำเค็ม ซึ่งการกัดกร่อนอาจเป็นปัญหาสำคัญ มักใช้ในการใช้งานทางทะเลและชายฝั่ง
การป้องกันสภาพบรรยากาศ:
พุกโลหะผสมสังกะสีมีประสิทธิภาพในการป้องกันสภาพบรรยากาศ เช่น ฝน ความชื้น และมลภาวะในอากาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกัดกร่อนเมื่อเวลาผ่านไป
ความเข้ากันได้ของการเคลือบ:
พุกโลหะผสมสังกะสีสามารถเคลือบด้วยชั้นป้องกันเพิ่มเติมได้ เช่น การชุบสังกะสีหรือการเคลือบสีฝุ่น เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนให้ดียิ่งขึ้น สารเคลือบเหล่านี้ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันความชื้นและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
การบำรุงรักษาลดลง: เนื่องจากความต้านทานการกัดกร่อน พุกโลหะผสมสังกะสีจึงต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพุกที่ทำจากวัสดุที่เสี่ยงต่อการเกิดสนิมหรือการกัดกร่อนมากกว่า ซึ่งนำไปสู่การประหยัดต้นทุนและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
อายุการใช้งานยาวนาน: พุกโลหะผสมสังกะสีมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน แม้ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งหรือทางทะเลที่มีความต้องการสูง พวกเขาสามารถทนต่อการสัมผัสกับองค์ประกอบต่างๆ เป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการย่อยสลายอย่างมีนัยสำคัญ
น้ำหนักเบา: พุกโลหะผสมสังกะสีมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างพุก เช่น เหล็ก ทำให้ง่ายต่อการจัดการและขนส่ง
ความง่ายในการผลิต: โลหะผสมสังกะสีคล้อยตามกระบวนการหล่อและการขึ้นรูป ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตการออกแบบพุกที่ซับซ้อนโดยมีคุณภาพและความแม่นยำสม่ำเสมอ
ความเก่งกาจ: พุกโลหะผสมสังกะสี มีความหลากหลายและสามารถใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงการใช้งานในการก่อสร้าง การเดินเรือ ยานยนต์ และการตกแต่ง
คุ้มค่า: พุกโลหะผสมสังกะสีมักจะคุ้มค่ากว่าวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนบางชนิด เช่น สแตนเลส ให้ความสมดุลระหว่างความต้านทานการกัดกร่อนและความคุ้มค่า
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: สังกะสีเป็นองค์ประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และการรีไซเคิลโลหะผสมสังกะสีนั้นตรงไปตรงมา ทำให้พุกโลหะผสมสังกะสีเป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม